เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์



เกิด วันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 1749 ที่เมืองเบิร์กเลย์ (Berglay) ประเทศอังกฤษ (England)
เสียชีวิต วันที่ 25 มกราคม ค.ศ. 1823 ที่เมืองเบิร์กเลย์ (Berglay) ประเทศอังกฤษ (England)
   ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18-19 เป็นยุคที่ผู้คนต้องเผชิญหน้ากับโรคระบาดที่ร้ายแรงทั้งหลายโดยเฉพาะโรคไข้ทรพิษเป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไปจำนวนมาก เพราะโรคไข้ทรพิษเป็นโรคระบาดที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เมื่อผู้ใดป่วยด้วยโรคนี้ก็หาทางรอดชีวิตได้ยาก ถึงแม้ว่าจะรอดชีวิตก็อาจจะตาบอด และมีแผลที่เป็นที่น่าเกลียดติดตัวไปตลอดชีวิต โรคไข้ทรพิษเป็นโรคที่ระบาด ทั่วไปทั้งในเอเชีย ยุโรป และในอเมริกา ากรายงานฉบับหนึ่งรายงานว่าเฉพาะในประเทศเยอรมนีประเทศเดียวมีคนเสียชีวิตด้วยโรคนี้ถึง 30,000 คนต่อปี แต่ในที่สุดโรคร้ายนี้ก็ถูกสยบลงด้วยความสามารถและความพยายามของนายแพทย์ชาวอังกฤษ นามว่า เอ็ดเวิร์ค เจนเนอร์ เขาได้พบวิธีปลูกฝีเพื่อป้องกันโรคไข้ทรพิษ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผู้คนก็ไม่ต้องหวาดกลัวกับโรคร้ายแรงชนิดนี้อีกต่อไป



        เจนเนอร์เกิดเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 1749 ที่เมืองเบิร์กเลย์ ประเทศอังกฤษ บิดาของเขาเป็นนักบวช เจนเนอร์เป็นเด็กฉลาดและช่างสังเกต เขาได้ประดิษฐ์บอนลูนที่สามารถลอยขึ้นท้องฟ้าได้ แต่ไม่มีใครเชื่อว่านั้นคือสิ่งประดิษฐ์ แต่คิดว่าเกิดจากฝีที่สิงอยู่ในบอลลูน เมื่อจบการศึกษาขั้นต้นแล้ว เข้าได้เขาศึกษาต่อในวิชาแพทย์ที่มหาวิทยาลัยเมืองบริสตอล ในปี ค.ศ. 1773 เมื่อเจนเนอร์สำเร็จการศึกษาเขาได้เข้าทำงานเป็นแพทย์ฝึกหัดกับศัลยแพทย์ประจำเมืองเบิร์กเลย์บ้านเกิดของเขานั่นเอง ต่อมาเจนเนอร์ได้เดินทางไปยังกรุงลอนดอน เพื่อศึกษาวิชาแพทย์กับศัลยแพทย์ผู้มีชื่อเสียงนามว่า จอห์น ฮันเตอร์ (John Hunter) หลังจากจบการศึกษาแล้วเจนเนอร์ได้เปิดคลีนิคส่วนตัวที่กรุงลอนดอนนั่นเอง
         ต่อมาในปี ค.ศ. 1792 เจนเนอร์เริ่มการค้นคว้าเกี่ยวกับโรคไข้ทรพิษ ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักอยู่ในทวีปยุโรป รวมถึงประเทศอังกฤษ มีผู้คนที่ต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเป็นเด็ก วันหนึ่งเขาสังเกตเห็นว่า หญิงรีดนมวัวที่ป่วยเป็นโรคฝีดาษวัว (Cow Pox) ซึ่งเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ที่มีแผลพุพองตามตัว แต่หญิงรีดนมวัวเหล่านี้ไม่มีผู้ใดป่วยเป็นโรค ไข้ทรพิษแม้แต่สักคนเดียว มีเพียงพุพองนิดหน่อยเท่านั้น เจนเนอร์จึงเกิดความคิดว่าถ้านำน้ำหนองในแผลของหญิงรีดนมวัวชื่อว่า ซาราห์ เนลเมส (Sarah Nelmes) มาสกัดเป็นวัคซีน โดยการทำให้เชื่ออ่อนตัวลง เมื่อเจนเนอร์สามารถสกัดวัคซีนได้แล้วเขาได้นำวัคซีนไปทดลองกับสัตว์หลายชนิดจนกระทั่งในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1796 เจนเนอร์ได้นำวัคซีนนั้นมาฉีดให้กับเจมส์ฟีพส์ (James Phipps) เด็กชายวัย 8 ขวบ โดยการกรีดผิวหนังที่แขนของเจมส์จนเป็นแผล จากนั้นจึงนำหนองฝีวัวใส่ลงไป และถือว่านี้คือครั้งแรกของโลกที่มีการปลูกฝีขึ้น ปราฏกว่าเจมส์ป่วยเป็นไข้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากนั้นอีกประมาณ 2 เดือน เจนเนอร์ได้นำเชื้อไข้ทรพิษมาฉีดให้กับเจมส์ ปรากฏว่าเจมส์ไม่ป่วยเป็นโรคไข้ทรพิษ เจนเนอร์ได้ทดลองวัคซีนของเขาอีกหลายครั้งจนมั่นใจว่าวัคซีนของเขาสามารถป้องกันโรคไข้ทรพิษได้
        เมื่อการทดลองของเขาประสบความสำเร็จ และได้ปรับปรุงวัคซีนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อมาในปี ค.ศ. 1798 เขาได้นำรายงานผลการทดลงส่งให้กับทางราชสมาคมแห่งกรุงลอนดอน (Royal Society of London) แต่ปรากฏว่าทางราชสมาคม ไม่สนใจผลงานของเขาแม้แต่น้อย อีกทั้งยังส่งผลงานเขากลับคืนมาอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเจนเนอร์ก็ไม่สนใจ เขาได้ตีพิมพ์ผลงาน ของเขาด้วยเงินทุนส่วนตัว และใช้ชื่อหนังสือเล่มนี้ว่า An Inquiry into theCauses and Efects of the Variolae Vaccine มีจำนวน 75 หน้า ภายในหนังสือเล่มนี้มีรายละเอียดเกี่ยวกับการป้องกันโรคไข้ทรพิษ โดยการปลูกฝีที่สกัดจากน้ำหนองของผู้ป่วยโรคฝีดาษวัว เมื่อผลงานของเขาได้เผยแพร่ออกไป ปรากฏว่าถูกคัดค้านจากวงการแพทย์และเห็นว่าเป็นเรื่องตลก หลอกหลวงเนื่องจากเหตุการณ์เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งที่มีสตรีในกรุงคอนสแตนติโนเปิลนามว่า แมรี่ เวิทลีย์ มอนตากูว์เกิดความคิดว่าการป้องกันโรคไข้ทรพิษน่าจะใช้เชื่อไข้ทรพิษนั่นแหละ ดังนั้นเธอจึงนำลูก ๆ ของเธอไปให้นายแพทย์ผู้หนึ่งปลูกฝีให้ และลูก ๆ ของเธอก็บังเอิญไม่ป่วยเป็นโรคไข้ทรพิษและเนื่องจากเธอไม่ได้เป็นแพทย์ หรือมีความเกี่ยวกับวิชาการแพทย์ เธอจึงนำเรื่องนี้มาบอกแก่แพทย์ชาวอังกฤษผู้หนึ่งในกรุงลอนดอน ซึ่งแพทย์ผู้นี้ก็เห็นดีด้วยจึงได้นำเชื้อไข้ทรพิษมาทำวัคซีนผลปรากฏว่าผู้ที่มาปลูกฝี กลับป่วยเป็นโรคไข้ทรพิษและเสียชีวิตต่อมา แต่ผลงานของเจนเนอร์ประชาชนส่วนหนึ่งกลับเชื่อถือและพากันมาให้เขาปลูกฝี ปรากฏว่าการปลูกฝีของเจนเนอร์สามารถป้องกันโรคไข้ทรพิษได้เป็นอย่างดี ทำให้ผู้คนเสียชีวิตด้วยโรคไข้ทรพิษน้อยลง ผู้คนเชื่อ มั่นในตัวเจนเนอร์มากขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน เจนเนอร์ ก็ได้รับการยอมรับจากทุกคน 
         และจากผลงานของเขาชิ้นนี้ในปี ค.ศ. 1800 ทางรัฐสภาของประเทศอังกฤษได้รับรองผลการทดลอง และวัคซีนที่เขาผลิตขึ้นพร้อมมอบเงินให้กับเจนเนอร์ถึง 10,000 ปอนด์ เพื่อใช้ในการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษ ต่อมาอีก 5 ปี เจนเนอร์ได้รับเงินทุน สนับสนุนอีก 20,000 ปอนด์ เพื่อใช้ในการค้นคว้าเรื่องวัคซีนต่อไป
         เจนเนอร์ยังทำงานค้นคว้าเกี่ยวกับวัคซีนต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 มกราคม ค.ศ. 1823 ที่เมืองเบิร์กเลย์ ประเทศอังกฤษ หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้วทางรัฐบาลได้สร้างอนุสาวรีย์ที่จัตุรัสฟอลการ์ เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการช่วยชีวิตของ มนุษย์ให้พ้นจากโรคร้ายแรงนี้ได้
ผลงานการค้นพบ
ค้นพบวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า และโรคแอนแทรกซ์ (Anthrax)
ค้นพบว่าจุลินทรีย์เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเน่าเสีย
ค้นพบวิธีการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์โดยการนำมาต้ม หรือเรียกว่า พาสเจอร์ไรเซชั่น (Pasteurization)
ค้นพบวัคซีนป้องกันอหิวาตกโรค, วัณโรค, โรคคอตีบ
ค้นพบวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษ (Small Pox)